The Athenee Hotel. a Luxury Collection Hotel, Bangkok

วันที่ : 2023.06.13

 

The Athenee Hotel a Luxury Collection อยู่ริมถนนวิทยุ จะเข้าจากถนนวิทยุ หรือ เข้าจากซอยร่วมฤดีก็ได้ ถ้าขับรถมาก็วนลงไปจอดชั้นใต้ดิน เดินขึ้นมาจากที่จอดรถจะเจอโถงชั้น 1 ซึ่งเราว่าสวยมาก ตกแต่งแบบไทยร่วมสมัย ถึงจะไม่ดูโมเดิร์นแต่ได้ความอลังการ บันได้ที่แยกชึ้นฝั่งซ้ายและขวานี่ดูแกรนด์ดีจริงๆ

 

 

เข้า Check In ตั้งแต่เที่ยง พนักงานเป็นกันเองและดูแลดีมากๆอธิบายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆภายในโรงแรม และโชคดีที่มีห้องให้พอดี 

 

ห้องพักของเราวันนี้เป็นห้อง Athenee Guest Room ตกแต่งแบบไทย-โคโลเนียล ออกไปทางหรูหราคลาสสิกมากกว่าความทันสมัย เราชอบรายละเอียดการตกแต่งของห้อง เช่น ลายบนม่าน ลายฉลุกริลปิดช่องแอร์ มันทำให้ห้องดูกลมกลืนกัน หน้าต่างบานไม่ได้ใหญ่โตแบบพื้นจรดเพดานแต่ก็ใหญ่โตพอที่ห้องจะไม่มืดเกินไป แต่รู้สึกว่ากระจกน่าจะติดฟีล์มเพราะมองออกไปข้างนอกเหมือนฟ้าตุ่นๆตลอดเวลา วิวจากในห้องพักเป็นตึก Park Venture แบบเต็มๆ จะเรียกว่าไม่มีวิวอะไรให้ดูก็ได้ สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักครบถ้วนตามระดับและมาตรฐานของโรงแรม มีโต๊ะทำงานและเดย์เบดให้นั่งๆนอนๆพักผ่อน 

 

 

หน้าประตูห้องเป็นตู้เสื้อผ้าและตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ขนาดของห้องน้ำไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน โถสุขภัณฑ์มาพร้อมกับสายชำระ และห้องนี้มีทั้งอ่างอาบน้ำ และ shower Box ส่วนเครื่องใช้สำหรับการอาบน้ำเป็นของ THANN

 

 

 

 

เก็บของเรียบร้อย เรา 2 คนหิวกันมากๆ เลยขอฝากท้องมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหารไทย ร้าน The House of Smooth Curry (3 rd Floor)

 

ด้านในตกแต่งแบบไทยแท้ๆ มีของเก่าๆประดับไว้หลายชิ้น ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบในห้องแอร์ และ ด้านนอกแบบ Out Door ถ้าอากาศดีๆไปนั่งด้านนอกก็น่าสนใจ แต่วันนี้ทั้งร้อน ทั้งอบ เราก็ขอนั่งเย็นๆด้านในดีกว่า

 

 

 

หรือถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว หรือ Lunch Meeting ที่ห้องอาหารนี้ก็มีห้องส่วนตัวให้บริการด้วย

 

เมนูอาหารของ The House of Smooth Curry เป็นอาหารไทยโบราณ บางรายการก็ประยุกต์กับวัตถุดิบจากต่างประเทศ ที่ชอบ คือ แหล่งวัตถุดิบจะระบุมาในชื่ออาหารเลย เช่น กุ้งแม่น้ำจากอยุธยา หมูจากนครปฐม เนื้อโคราชวากิว เป็นต้น

สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย พนักงานเสริฟน้ำกระเจี๊ยบเป็น Welcome Drink ซึ่งเราจะไม่เคยเห็นร้านอาหารที่มีการเสริฟ Welcome Drink หลังจากนั้น ก็เสิรฟข้าวเกรียบกุ้ง พร้อมน้ำจิ้มพริกเผาผสมน้ำจิ้มไก่ อร่อยแปลกลิ้นดี ส่วนข้าวเกรียบกรอบ ไม่หืน ทานเพลินมาก 

 

 

รายการอาหารเที่ยงวันนี้ประกอบด้วย ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำอยุธยา ช่อม่วงปลาช่อนนา ต้มกะทิสายบัวกุ้งแม่น้ำอยุธยา  ทานกัน 2 คน ปริมาณกำลังอิ่มพอดี

 

ยำส้มโอ การจัดจานให้ 100 คะแนนเต็ม ส่วนรสชาติจะออกเปรี้ยวนำมาจากตัวส้มโอ กลิ่นมะพร้าวคั่วหอมๆ กุ้งแม่น้ำเผาตัวไม่ใหญ่มาก แต่ย่างมาดีมาก ตัวเนื้อยังเด้งและไม่แห้งจนเกินไป

 

จานต่อมา คือ ช่อม่วงปลาช่อนนา ไส้รสชาติเหมือนสาคูที่เปลี่ยนจากไส้ถั่ว หัวไชโป้ว เป็นปลาช่อนแทน ไม่มีก้าง ออกเค็มนิดๆจากน้ำกะทิที่ราดมาด้านบน แต่ก็ยังทานง่ายอยู่ เด็กๆก็ทานได้

อาหารคาวอีกจานของเรา คือ ต้มกะทิสายบัวกุ้งแม่น้ำ รสชาติจะออกนวลๆกลางๆ ส่วนตัวคิดว่าเค็มได้อีกนิด มีกุ้งอยู่ 2 ตัว ทาน 2 คนก็หารลงตัวพอดี ^_^ 

 

พนักงานมาแนะนำของหวาน คือ ส้มซ่า กับ ข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเมนู ส้มซ่า ไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่สั่งมาเพราะอยากรู้ว่ารสชาติและหน้าตาเป็นอย่างไร

ส้มซ่า ส่วนประกอบจะเป็นลำใย ลิ้นจี่ ส้ม ส้มโอ ในน้ำเชื่อม เสริฟมาพร้อมน้ำแข็ง  ใครชอบหวานก็ไม่ต้องใส่น้ำแข็งเยอะ เดี๋ยวจะจืดและเสียรสชาติไป รสชาติจะเปรี้ยวๆหวานๆชื่นใจ 

 

ส่วนข้าวเหนียวมะม่วง จัดจานได้สวยงามมาก ตัวมะม่วงเราว่าเปรี้ยวไปนิด ส่วนข้าวเหนียวกับน้ำกะทิหอมดี น้ำกะทิก็ข้นมาก

 

ทานอาหารเสร็จ เราก็ขึ้นไปเดินเล่นบริเวณสระว่ายน้ำกันก่อนกลับเข้าห้อง พื้นที่ตรงสระว่ายน้ำ เป็นพื้นที่โล่ง นั่งเล่น รับลมชิลๆได้ อีกฝั่งของสระว่ายน้ำจะมีสวนสีเขียวไว้ให้เดินเล่นได้ด้วย

 

 

สระว่ายน้ำขนาดใหญ่พอที่จะว่ายออกกำลังกายได้เลย ความลึก 1.5 เมตร สำหรับเด็กๆ อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง รอบสระมีที่นั่งให้เลือกหลายมุม

 

 เช้าวันต่อมาลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Rain Tree Cafe ซึ่งนอกจากบริการอาหารเช้าแล้วก็ยังบริการอาหารมื้ออื่นๆแบบ All day dining ด้วย

 

รายการอาหารบางอย่างสั่งกับพนักงานได้ หรือ จะเดินไปดูตามไลน์อาหารได้เลย ซึ่งไลน์อาหารเช้าที่นี่ ถือว่าเป็นอันดับ 1 ในใจ เพราะมีอาหารให้เลือกเยอะมากมาย ทั้งไทย จีน ยุโรป และน้ำผลไม้ สลัด ฯลฯ

 

 

 

 

 

 

ก่อนกลับบ้าน เราก็ฝากท้องมื้อกลางวันไว้ที่โรงแรมนี้อีกมื้อ ที่ห้องอาหาร Silk Road อยู่ที่ชั้น 3 และ ถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะต้องจอง เพราะพนักงานบอกว่าคนจะค่อนข้างเยอะ ถ้า Walk-in เข้ามาเกรงว่าจะไม่มีโต๊ะ หรือ อาจจะต้องรอนาน

 

พนักงานนำเครื่องเคียงมาให้ทานเล่นไปก่อน มีถั่ววาซาบิแล้วก็หัวไชเท้าแช่อยู่ในอะไรซักอย่าง คีบเข้าปากหัวไชเท้าอร่อยถูกปากมาก เนื้อหัวไชเท้ากรุบกรอบ ไม่หนาเกินไป น้ำซอสที่แช่อยู่รสชาติไม่คุ้นลิ้นแต่กลมกล่อมและอร่อยมาก เค็มนิดหวานหน่อย ถามพนักงานได้ความว่าเป็นน้ำดองสูตรพิเศษของเชฟ ถ้าอยากทานต้องมาทานที่นี่เท่านั้น

 

 

อาหารที่สั่งมาประกอบไปด้วย ขนมจีบกุ้งหางหงษ์ กุ้งคริสตัลปู หมูเปรี้ยวหวาน แล้วก็ ติ่มซำสามกษัตริย์ ประกอบไปด้วย ฮะเก่าไข่ปลาคาร์เวีย ขนมจีบเป่าฮื้อ กรรเชียงปูนึ่งผงกะหรี่

จานแรก คือ หมู (นครปฐม) ผัดซอสเปรี้ยวหวาน รสชาติสไลต์จีนแท้ๆ ขนาดเรายังอิ่มจากอาหารเช้าอยู่ จานนี้ยังสามารถเรียกน้ำย่อยเราได้ดีทีเดียว หมูทอดมากรอบแต่ข้างในไม่แข็งยังคงความนุ่มอยู่ผัดแบบจีนที่ออกเปรี้ยวนำ หอม อร่อยมาก

 

ขนมจีบกุ้งหางหงษ์ เนื้อแน่นทานคำเดียวไม่หมดแน่นอน เต็มปาก เต็มคำ 

 

ติ่มซำ 3 กษัตริย์ ได้แก่ ฮะเก๋าไข่ปลาคาเวียร์ ขนมจีบเป๋าฮื้อ และ กรรเชียงปูนึ่งผงกระหรี่  

 

 

 

 

กุ้งคริสตัลปู เนื้อปูค่อนข้างเยอะทีเดียว มา 3 ลูกเท่านั้น แต่อิ่มเต็มกระเพาะจริงๆ ลูกใหญ่ เนื้อแน่นมาก

 

ทานอาหารเสร็จก็ไปสั่งกาแฟกันที่ ร้าน The Bakery ภายในร้านตกแต่งน่ารักมากๆ ออกโทนสีขาว สะอาดตา และที่สำคัญ กาแฟอร่อยมาก ส่วนขนมก็มีให้เลือกหลายอย่าง 

 

 

 

สิ่งที่ประทับใจที่นี่คือพนักงาน แทบทุกจุดที่มีพนักงานของโรงแรมจะบริการแบบสุภาพ เป็นกันเองมากๆ ทำให้การพักผ่อนที่นี่ไม่เกร็งหรือรู้สึกแปลกที่แปลกทางเลย

 

smile The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
    ที่ตั้ง: ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
    เบอร์: 02-650-8800
    FB: www.facebook.com/theatheneehotel 
    Website: www.theatheneehotel.com 
    Map: https://goo.gl/maps/uRgERG73xVcA1Tn39